จากคำกล่าวที่ว่า "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล"

ดังนั้น เราจะหลีกเลี่ยงการใช้คำหยาบในเวปนี้นะครับ

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

บทความเรื่อง เรียนคณิตให้สนุก ยังไง???

เขียนโดย ครูต้น
โดยปกติแล้ววิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่สุดแสนจะน่าเบื่อสำหรับนักเรียน เพราะนอกจากจะต้องท่องสูตรคูณทุกวันแล้วยังต้องบวก ลบ คูณ หารเลขอยู่ตลอดเวลา ตัวเลขก็เยอะ ปัญหาก็แยะ เรื่องนั้นก็เข้าใจยาก เรื่องนี้ก็ยากต่อการทำความเข้าใจ อ่านโจทย์ปัญหาก็ไม่เคยเข้าใจซักที แถมเพื่อนที่นั่งข้างๆ ก็ตอบครูข่มขวัญอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อไหร่ถึงเวลาเรียนวิชาคณิต นักเรียนส่วนใหญ่จะคิดแต่ว่า เมื่อไหร่จะหมดเวลาซักทีหนอ บ้างก็หลับในห้องเรียนไปซะอย่างนั้นเพราะเรียนไปก็ไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย


ยิ่งไปกว่านั้นผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังเล็งเห็นความสำคัญของวิชาคณิตศาสตร์อย่างมากมาย นอกจากจะเรียนคณิตที่สุดแสนจะสาหัสในโรงเรียนแล้วยังต้องไปเรียนพิเศษติวเข้มคณิตศาสตร์โอลิมปิกบ้าง ซุปเปอร์คณิตศาสตร์สถานที่ไหนว่าเนื้อหาเข้มผู้ปกครองก็ส่งบุตรหลานไปเรียน นั่นก็เพราะอยากให้ลูกเก่งคณิตศาสตร์ แต่หารู้ไม่ว่านั่นอาจจะเป็นความหวังดี ที่ประสงค์ร้ายสำหรับเด็กเพราะถ้าเด็กชอบวิชาคณิตศาสตร์อยู่แล้วก็ดีไป แต่ถ้าคนไหนไม่ชอบคณิตศาสตร์อยู่แล้วก็คงยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่

ดังนั้นผู้เขียนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กนักเรียนส่วนใหญ่ถึงเกลียดคณิตศาสตร์ เช่นเดียวกับผู้เขียน สมัยก่อนเมื่อถึงเวลาเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่ไร ห้องน้ำในโรงเรียนคือที่หลบภัยเข้าไปหลบตลอดด้วยความไม่อยากเรียนครูก็ดุอายุก็มากแถมชอบดุด่าว่ากล่าวอยู่ตลอดเวลา ก็คนมันเรียนไม่รู้เรื่องจะให้ทำอย่างไร สมัยก่อนเรียนคณิตศาสตร์ถามครูก็โดนดุ ไม่ถามก็สอบตก อยากจะให้มันหมดชั่วโมงเรียนเสียให้ไวไว แต่โบราณเค้าว่า เกลียดอะไรได้อย่างนั้น ผู้เขียนคิดว่ามันจริงแท้และแน่นอน เพราะปัจจุบันผู้เขียนได้มาเป็นครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ จากที่เกลียดกลายเป็นรักวิชาคณิตศาสตร์อย่างมากมาย

เนื่องจากมีความรักในวิชานี้ ทำให้ผู้เขียนสอนวิชาคณิตศาสตร์ด้วยใจและมีความสนุกสนาน ทั้งนี้ผู้เขียนได้เคยตั้งปณิธานไว้ว่า “ดิฉันจะทำให้นักเรียนที่เรียนกับดิฉันทุกคนรักวิชาคณิตศาสตร์”

ผู้เขียนเข้าใจดีว่าทำไมนักเรียนถึงเบื่อที่จะเรียนคณิตศาสตร์ จึงนำความคิดนี้มาปรับใช้ในการสอนคณิตศาสตร์ โดยผู้เขียนจะสอดแทรกด้วยเกมอยู่เสมอ อะไรก็เอามาทำเป็นเกมให้นักเรียนเล่นได้ โดยให้เกี่ยวกับบทเรียนนั้นๆ นักเรียนจะชอบมากเมื่อได้เล่นเกม ยกตัวอย่างเช่น เกมแฟนพันธุ์แท้รูปสี่เหลี่ยม เราเอากระดาษลูกฟูกแบบบางมาตัดเป็นสี่เหลี่ยมชนิดต่างๆ โดยให้นักเรียนนี่แหละช่วยกันเอามาคนละรูปสองรูป พอได้มาแล้วก็เอามาเล่นทายชนิดของรูปสี่เหลี่ยมเพื่อหาแฟนพันธุ์แท้ออฟเดอะรูม ที่สุดของที่สุด หารางวัลได้ผู้ชนะซักนิดหน่อย เด็กไทยเรานี่เป็นพวกชอบของรางวัลขอให้ได้เถอะ ลูกอมเม็ดเดียวก็ดีใจเหมือนได้บ้าน ได้รถ

แต่ละวันจะเรียนไปพร้อมกับการทำกิจกรรมเสริมแรง ใครตั้งใจและเป็นผู้ชนะก็ได้รางวัลไปไม่มากมายก็ทำให้เด็กดีใจ และเกิดความอยากเรียนคณิตศาสตร์ขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย

การชมเชยนักเรียนเป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับการสอน แค่คำพูดที่ว่า นักเรียนเก่งมาก นักเรียนทำได้ดีมาก นักเรียนมีความตั้งใจดีมาก เมื่อนักเรียนตอบปัญหาได้ ครูชม เมื่อนักเรียนตอบผิดครูให้กำลังใจ ด้วยคำว่า ไม่เป็นไรครับเรามีตัวช่วย แล้วให้เพื่อนช่วยตอบ หลังจากนั้นลองให้นักเรียนคนเดิมตอบใหม่อีกครั้งในข้อง่ายๆ นักเรียนคนนั้นจะรู้สึกดี และไม่รู้สึกว่าด้อยกว่าเพื่อนหรือโดนประจาน ทำให้นักเรียนเกิดความอยากตอบให้ได้เอง ภูมิใจเมื่อครูชม ก็ดูเหมือนจะเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง อย่างน้อยก็ปรับทัศนคติเด็กที่เรียนไม่เก่งให้รู้สึกเริ่มชอบที่จะเรียนวิชาคณิตศาสตร์

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมในการเรียนเรื่องการซื้อ-ขาย นักเรียนจะได้ลองใช้เงินซื้อสินค้า ได้ทอนเงิน เขียนใบเสร็จรับเงินจริง ซึ่งครูก็ให้นักเรียนช่วยกันเอาแบงค์เลียนแบบมา นักเรียนก็ตื่นเต้นมากที่ได้ใช้เงิน บ้างก็ได้เป็นผู้ขายแม้จะถูกบ้างผิดบ้าง มั่วบ้าง แต่นักเรียนก็มีความสุขและรู้จักการซื้อ ขาย การลดราคา กำไร ขาดทุน เด็กบางคนเรียนไม่เก่ง แต่คิดเงินทอนเงินเก่ง เพราะบ้านค้าขาย นั่นก็ทำให้รู้ว่าเค้ามีศักยภาพในการคิดคำนวณ เพียงแต่ต้องพัฒนาให้มากขึ้น และอัจฉริยภาพของเขาสร้างได้เช่นกัน!

อย่างไรก็ตามนอกจากการเรียนการสอนด้วยการใช้เกม และทำกิจกรรมที่น่าสนใจแล้ว ผู้เขียนยังต้องสอดแทรกเรื่องเล่าคุณธรรม ไม่ว่าจะเป็น กฎแห่งกรรม เรื่องเล่าเช้านี้ เล่าข่าวสารบ้านเมืองที่น่าสนใจ หรือบทความสารคดี ที่น่าสนใจให้นักเรียนฟังเป็นครั้งคราวเพราะนอกจากนักเรียนจะได้ความรู้เพิ่มแล้ว นักเรียนก็ยังได้คิดเรื่องคุณธรรม ทำให้พฤติกรรมของนักเรียนดีขั้น ผู้เขียนสังเกตได้ว่า นักเรียนชอบเรื่องเล่าเป็นอย่างมาก และมันเป็นการดึงสมาธิให้กลับมาที่ผู้สอนได้อย่างง่ายดาย หลังจากเล่าจบก็สอนต่อ นักเรียนก็ยังคงมีสมาธิอยู่กับครูผู้สอนนั่นเอง แต่เรื่องเล่าที่นักเรียนชอบมากที่สุดที่ผู้เขียนคอนเฟริม์ก็คือ เรื่องผี ไม่รู้เป็นยังไงอยากให้เล่าแต่เรื่องผี ใจคอนักเรียนจะให้ครูเจอผีทุกวัน ก็คงจะไม่ไหว ทั้งนี้เรื่องเล่าบางเรื่องจึงต้องใช้วิจารณญาณในการรับฟังด้วย ต้องบอกนักเรียนให้เข้าใจ

การให้คะแนนดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ครูกังวลมาก เพราะนักเรียนบางคนเหมือนจะไม่อยากได้คะแนน เมื่อให้เรียนแบบตัวใครตัวมันแล้วไม่ได้ประสิทธิผล ผู้เขียนจึงให้คะแนนแบบ บุฟเฟ่ต์ ก็คือการเหมา เหมานั่นเอง เหมาห้อง การเรียกให้ตอบทีละคน ถือว่าคนที่ครูเรียกคือตัวแทนห้อง ถ้าตอบได้ก็จะให้คะแนนทั้งห้อง ถ้าตอบผิดก็ให้มีตัวช่วยได้ไม่เกินสองคน ถ้าตัวช่วยช่วยไม่ได้ก็หักคะแนนทั้งห้อง การเรียนแบบนี้ ผู้เขียนสังเกตว่านักเรียนจะช่วยกันแบบเอาเป็นเอาตาย เพราะต่างก็อยากได้คะแนน และนักเรียนจะมีความรู้รักสามัคคีเพิ่มขึ้น เพราะนักเรียนจะเรียนรู้ไปเองว่า ถ้าเราเก่งเราต้องช่วยเพื่อนด้วย

การให้คะแนนแบบบุฟเฟต์ทำให้ห้องเรียนครื้นเครงมากเพราะ บรรยากาศจะเหมือนเชียร์มวยไม่มีผิด แต่ทั้งนี้ผู้เขียนก็ต้องมีกติกาในการควบคุมห้องเรียน การปล่อยให้เด็กได้เปล่งเสียงบ้างก็ทำให้เด็กสบายใจในการเรียนมากขึ้นและไม่เครียดนั่นเอง!!

เมื่อให้การบ้านแล้วไม่ทำ ไม่ส่ง ก็ต้องให้การโรงเรียนแทน เพราะเราจะต้องทำแบบฝึกหัก ฝึกทักษะกันในห้องเรียน ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมในการทำคณิตศาสตร์บนกระดาน หรือการแบ่งกลุ่มเล็กๆ เพื่ออภิปรายเรื่องสั้นๆ ใช้เวลาไม่มาก เพื่อให้นักเรียนเกิดความกล้าที่จะพูด และไม่กลัวที่จะผิด การทำแบบฝึกหัดในห้องทำให้ครูรู้ว่าใครที่เรียนพอใช้ได้ ใครเรียนไม่ได้ ใครเก่ง ใครอ่อน และทำให้การพัฒนาศักยภาพรายบุคคลทำได้ง่ายขึ้น

ผู้เขียนจะไม่ทำการสอนถ้าวันนั้นนักเรียนมีอาการง่วงกันเกินครึ่งห้อง หรือเพิ่งเล่นพละขึ้นมาแล้วร้อนมาก หรือมีเสียงดังรบกวนจากภายนอก เพราะผู้เขียนรู้ดีว่า นักเรียน เรียนไม่รู้เรื่องแน่นอน ที่สำคัญ ผิดคอนเซปต์ ที่ตั้งไว้ว่า ต้องเรียนให้สนุก ถ้ามีคนง่วงจะสนุกได้อย่างไร และมันเป็นความท้าทายของผู้สอนที่ต้องหาวิธีกระตุ้นประสาทนักเรียนก่อน และแน่นอนคงไม่พ้นการเล่าเรื่องที่นักเรียนชอบฟัง การพาเล่นเกมง่ายๆ เช่น เกมทายใจ ครูเขียนตัวเลขแอบไว้ แล้วให้นักเรียนทายว่าครูเขียนเลขอะไร เล่นกันซักรอบสองรอบรับรองหายง่วง หายร้อน แล้วค่อยมาว่ากันเรื่องบทเรียน ถึงแม้จะเหลือเวลาอีกเพียง 10 หรือ 15 นาที แต่มันก็เป็นเวลา 10-15 นาทีที่มีค่ามากถ้านักเรียนสามารถเรียนได้อย่างเข้าใจ และมีความสุข

มีผู้ปกครองเคยถามผู้เขียนว่า “ทำไมวิชาคณิตศาสตร์เด็กตกกันเยอะจัง” ผู้เขียนตอบทันทีว่า “น่าจะเป็นที่ครูสอนไม่ดี ทำให้เด็กเข้าใจในบทเรียนไม่ได้ เด็กก็เลยสอบตก” ผู้ปกครองคนนั้นก็สวนกลับทันควันว่า “ไม่หรอกค่ะ เพราะลูกบอกครูสอนดีมาก สอนเข้าใจ” ผู้เขียนคิดในใจทุกครั้งที่ได้ยินแบบนี้ว่า ถ้าสอนเข้าใจแล้วทำไมถึงสอบตก เข้าใจแบบไหนกันล่ะนี่

ผู้เขียนเชื่อมั่นว่า การเรียนการสอนแบบคณิตคิดสนุกนั้นทำได้ไม่ยาก นักเรียนหลายคนก็เรียนคณิตศาสตร์ได้ดีขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นมีนักเรียนอีกมากมายที่รักคณิตศาสตร์มากขึ้น เพราะการเรียนที่สนุกสนาน ปนกับความตื่นเต้นเร้าใจตลอดเวลาที่อยู่ในชั่วโมงเรียน แต่ปัญหาหนักใจที่สำคัญที่ต้องคิดต่อ ก็คงจะเป็นเรื่องที่จะต้องทำยังไงเด็กถึงจะสอบคณิตศาสตร์ผ่านทุกคน ถ้าเรียนด้วยความสุข ถ้าชอบวิชาคณิตศาสตร์แล้วนักเรียนก็น่าจะสอบผ่านได้ทุกคน

ผู้เขียนจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ครูทุกคนที่อยากเห็นลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ คงจะช่วยกันสอนคณิตศาสตร์ให้สนุกสนาน สร้างทัศนคติให้เด็กไทยรักคณิตศาสตร์ตั้งแต่เล็กๆ ผู้ปกครองปลูกฝังแบบไม่ยัดเยียด เมื่อเด็กมีพื้นฐานที่ดีมาตั้งแต่ต้น และมีใจรักในวิชาคณิตศาสตร์แล้ว ต่อไปความฝันของผู้เขียนที่อยากจะให้เด็กไทยสอบผ่านวิชาคณิตศาสตร์ได้ทุกคนคงเป็นจริง และประเทศชาติคงจะได้พึ่งพาเยาวชนที่มีคุณภาพสืบไป.

5 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้วได้แง่คิดดีดีเพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ

    ตอบลบ
  2. ดีมากค่ะ หาครูที่ใส่ใจนักเรียนแบบนี้ยากค่ะ ดิฉันชอบวิชาคณิตศาสตร์มากถึงมากที่สุด เพราะเป็นวิชาที่ไม่ต้องท่องจำ ไม่ต้องอ่านเยอะ ถ้าเข้าใจก็จะข้อสอบได้เองอัตโนมัติจ้า ตอนนี้เป็นครูสอนพิเศษคณิตค่ะ เลยอยากเข้ามาดูเทคนิคเอาไปใช้ในห้องเรียนบ้าง แต่ที่ใช้อยู่ประจำ คือการชม และก็ชม ตลอด แม้ว่าเด็กจะทำได้ไม่เยอะ แต่ก็ถือว่าดีขี้นจากที่ไม่รู้อะไรเลย ได้ผลค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขอให้บทความสั้นๆ นี้ได้เป็นประโยชน์กับคุณครูที่สนใจทุกคนค่ะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณมากนะค่ะ ที่นำเทคนิคดีๆ มาแบ่งปัน ^^

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณนะค่ะ สำหรับข้อคิดดีๆ เราจะนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

    ตอบลบ

ที่แห่งนี้ ที่ทำให้พวกเราเจอกัน ได้ผูกพันพึ่งพา

ที่แห่งนี้ ช่วยเติมเต็มข้อความประทับใจ ทุกเวลา

ที่แห่งนี้ ก็ยังคงความผูกพัน ตลอดไป